เริ่มต้นตั้งตี่จู้เอี๊ยและไหว้อย่างไร

ตี่จู้เอี๊ยะ เป็นศัพท์เรียก ที่มาคำมาจาก คำว่า "ตี่" (地) หมายถึง ดิน ส่วนคำว่า "จู่" สำเนียงจีนกลาง (主) แต่หลักๆ เราจะใช้สำเนียงจีนแต้จิ๋ว เพราะพบเห็นคำว่า จู้ บ่อยกว่า จู่ ในประเทศไทย ซึ่งก็ไม่ผิด และมีความหมายเหมือนกันนั้นคือ เจ้าของ ดังนั้น ตี่จู้ (จู่) เอี๊ยะจึงหมายถึง เทพเจ้าแห่งพื้นดิน หรือ The Lord of Soil ตามหลักภาษาอังกฤษ

ชาติคนที่เคารพบูชา และตั้งศาลกราบไหว้มักเป็นคนไทยเชื้อสายจีนทีอพยพมาจากพื้นแผ่นดินใหญ่ คือประเทศจีน หรือไม่ก็คนจีนไต้หวันที่อพยพมาอยู่ไทย ส่วนคนจีนแผ่นดินใหญ่ ปัจจุบันแทบไม่ค่อยมีแล้ว หรือชาติที่รับวัฒนธรรมจีนในประเทศอื่นๆ ก็จะพบเห็นได้เห็นเช่นกัน

แต่เดิมไม่ได้มีแค่ศาลเจ้า ตี่จู้ (จู่) แต่มีอีกหิ้งหนึ่ง ซึ่งหลายคนลืมไปแล้ว นั้นก็คือ หิ้งปุนเถ่ากง มักตั้งอยู่สูงจากพื้น ต่างจากตี่จู้ (จู่) วางบนพื้น ถ้าเราตั้ง 2 ทิ้ง พร้อมกัน ตรงบริเวณนั้นจะเรียกว่า หิ้งเจ้ารวม

หลังจากอัญเชิญท่านสำเร็จ ท่านจะสถิตภายในอาณาเขตบ้านเรือนที่ท่านพักอาศัย มีหน้าที่ปกปักรักษาคนในบ้าน โดยปกติหน้าตาท่านจะเป็นอากงใจดี ใส่เสื้อชุดแดงก็ได้ หรืออาจจะปรากฏลักษณะแบบอื่น ตรงนี้ติดต่อซินแสมาดูได้

ทั้งนี้ทั้งนั้น ศาลเทพเจ้าจีนที่ตั้งไว้ในบ้าน และจำเป็นต้องวางติดพื้นดิน เพราะเชื่อว่าเพื่อให้ท่านเดินเข้าออกได้สะดวก เพราะโลกในอีกมิติกับโลกมนุษย์จะมีการเชื่อมถึงกัน และศาลควรหันออกนอกบ้าน เพื่อให้ท่านสามารถมองเห็นคนเดินเข้าออก หรือสิ่งไม่ดีจะปะทะกับท่านก่อน โดยตามคุณลักษณะของศาลที่มักนิยมซื้อหากก็คือศาลที่เป็นสีแดง และสลักลวดลายของศาลด้วยลายจีน

ซึ่งแต่เดิมทีนั้นศาลเจ้าที่จีนไม่ได้มีการออกแบบสวยงามเฉกเช่นเท่าในปัจจุบัน ทำให้ในยุคนี้เราสามารถเลือกซื้อศาลได้หลากหลายมากขึ้น และการเลือกซื้อศาล ควรคำนึงด้านขนาดสำหรับการจัดวางบนพื้นที่ภายในบ้าน โดยเฉพาะขนาดของศาลซินแสจะสามารถบอกขนาดที่ควรใช้ และไม่ควรใช้ ตามแต่ละบุคคล และธุรกิจ

หากใครมีข้อสงสัยสามารถขอคำแนะนำจากซินแสโดยตรง เพราะศาลตี่จู้เอี๊ยะแต่เดิมมีที่มาจากชาวจีนที่อพยพเข้ามาอยู่ในประเทศไทย และทำต่อๆ กันมานานมากแล้ว โดยมีการตกทอดวิชาจนกระทั่งปัจจุบันแก่ผู้รู้หรือปราชญ์ด้านการตั้งศาล ซึ่งปกติจะไม่ค่อยถ่ายทอดวิชากันมากนัก ปัจจุบันซินแสฉัตรณรงค์ เป็นผู้ถือครองวิชาตั้งศาลตี่จู้เอี๊ยะ เป็นผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์แขนงนี้โดยเฉพาะ

3 วิธีสำหรับการจัดหาตี่จู้เอี๊ยะมาไหว้นั้นสามารถเริ่มทำได้ตามนี้

1. การเลือกศาล จากแหล่งร้านค้า ในประเทศไทย มีแหล่งจำหน่ายมากมายหลายร้าน และรูปทรงที่หลากหลาย

วิธีการเลือกศาล ต้องเหมาะสมสำหรับคนในบ้าน หรือธุรกิจ โดยอิงจากพื้นดวง ดังนั้น หากใครยังไม่ทราบ หรือยังไม่มีคำตอบ สามารถปรึกษาซินแสได้

2. การตั้งศาล ขอเรียกว่า ขั้นตอนการอัญเชิญศาล ขั้นตอนนี้ควรมีผู้ชำนาญการตั้งศาลมาค่อยให้คำแนะนำ หรือช่วยเหลือด้านพิธีกรรม

สิ่งที่อยู่ในศาลนอกการรูปปั้นของแป๊ะกง อากง อาม่าแล้ว จิตวิญญาณที่อัญเชิญมาต้องเป็นของแท้ และต้องไม่เป็นพวก Shadow Being, Shadow People หรือเงาดำ สัมภเวสีแอบแฝงเข้ามาอาศัย แต่ต้องมีคุณลักษณะของพลังงานเทพเข้ามาสิงสถิตในศาลเท่านั้น ตามบัญชาของสวรรค์ให้มาทำหน้าที่บนโลกมนุษย์ และปกปักคนในเขตสถานที่อยู่อาศัย เพราะคาถาที่ใช้อัญเชิญคือศาสตร์ตั้งศาลที่แท้จริง

3. การไหว้ศาล มีรายละเอียดมากมาย อาทิ ของที่ต้องจัดเตรียม ฤกษ์ยาม และบทสวด ซึ่งการไหว้จะนิยมไหว้ทุกวันในช่วงเช้า และช่วงเทศกาลสำคัญตามปฏิทินวันพระจีน เป็นต้น ของไหว้ที่นิยม ได้แก่ น้ำชา 5 ถ้วย น้ำเปล่า 3 ถ้วย ขนม ส้ม หรือผลไม้มงคล 5 ลูก เทียน ธูป กระดาษเงินกระดาษทอง เป็นต้น การไหว้จะนิยมไหว้ทุกวันและช่วงเทศกาลสำคัญตามปฏิทินวันพระจีน

การไหว้ตี่จู่เอี๊ยะที่ถูกต้องมีขั้นตอนดังนี้

1. จุดธูป 5 ดอก สำหรับไว้ศาลตี่จู้เอี๊ยะ ตั้งจิตอธิษฐานขอพรต่อตี่จู่เอี๊ยะ
โดย ปักเฉพาะที่กระถางธูปจรงหน้าตี่จู้เอี๊ยะ 5 ดอก

บางที่ไหว้ตี่จู้เอี๊ยะ 7 ดอก เพราะจะรวมปักที่ประตูหน้าบ้านซ้ายและขวา แสดงถึงการเคารพเทพแห่งประตู

นอกจากนี้ยังควรมีเทียนแดง 1 คู่อันหมายถึง เพิ่มแสงสว่างและความสิริมงคล

ข้อห้ามการปักธูปไหว้คือ ห้ามลงท้ายด้วยเลขคู่ จำนวนธูปเลขคู่สำหรับบรรพบุรษ
และสำหรับการไหว้ด้วยธูปทุกชนิด หรือการปักธูปที่แท้จริงแล้ว เป็นการเรียกเข้าบ้าน
สิ่งนี้ควรทราบไหว้ก่อนไหว้ศาล

2. จัดเตรียมของถวายและไหว้ตามแต่ศรัทธา โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มของไหว้ คือ 1. ของไหว้พื้นฐาน และ 2. ของไหว้พิเศษ หรือของไหว้เพิ่มเติม

สำหรับบทความนี้แนะนำของไหว้พื้นฐานมีดังนี้คือ

• น้ำชา 5 ถ้วย น้ำเปล่า 3 ถ้วย : เปรียบเสมือนการต้อนรับและแสดงความเคารพ
• ผลไม้ 5 ชนิด : เลือกผลไม้มงคล เช่น ส้ม (โชคลาภ), มะพร้าว (ความอุดมสมบูรณ์), ฟักทอง (ความมั่งคั่ง), กล้วย (กวักโชคลาภ), สาลี่ (ความราบรื่น)
• กระดาษไหว้ 1 ชุด : ประกอบด้วย เทียงเถ้าจี้ (กระดาษเงินกระดาษทอง) และ หงิ่งเตี๋ย (กระดาษไหว้)

ข้อห้ามคือ อย่านำของไหว้ที่เป็นสัตว์ใหญ่มาถวาย, ของคาวเหม็น เช่น ปลาร้า หรือกะปิ และอย่างทำของมึนเมาเช่น เหล้า เป็นต้น

3. รินน้ำชาลงในถ้วย 5 ถ้วย น้ำเปล่า 3 ถ้วย

4. ถวายของทั้งหมด และทำการคำนับ 3 ครั้ง

5. จากนั้นรอธูปหมดแล้วค่อย เผากระดาษเงินกระดาษทอง

6. ลาด้วยคำนับ 3 ครั้ง แล้วนำของไหว้ไปรับประทาน หรือแจกจ่ายผู้อื่นเป็นทาน

สำหรับการไหว้ตี่จู่เอี๊ยะในพิเศษอย่างวันตรุษจีน ชาวจีนจะนิยมไหว้ตี่จู่เอี๊ยะด้วยของไหว้มงคล เช่น ขนมมงคล ผลไม้มงคล กระดาษเงินกระดาษทอง เป็นต้น เพื่อขอพรให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข โชคดีร่ำรวยตลอดปี

การไหว้ตี่จู่เอี๊ยะเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ชาวจีนและคนไทยเชื้อสายจีนไม่จำเป็นต้องเชื่อในความเชื่อนี้ก็ได้ อย่างไรก็ตาม การไหว้ตี่จู่เอี๊ยะก็ถือเป็นการแสดงความเคารพต่อเทพเจ้าแห่งผืนดิน และเป็นการเสริมสิริมงคลให้กับบ้านเรือนและกิจการได้เช่นกัน